วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การประเมินความเสี่ยงโดยวิธี OWAS

              การวิเคราะห์ท่าทางการทำงานโดยวิธี OWAS (Ovako Working Posture Analysis System) ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยโรงงานเหล็กในประเทศฟินแลนด์ร่วมกับสถาบันอาชีวอนามัยประเทศฟินแลนด์ (Finnish Institute of Occupational Health) เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1970 โดยใช้ในการประเมินคนงานในโรงงานเหล็ก เนื่องจากพบปัญหาจำนวนคนงานที่มีการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นและมีการลาออกเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากมีอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อและกระดูกของพนักงาน วิธี OWAS เป็นวิธีที่ง่ายต่อการประเมินและมีการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมและบริการอย่างกว้างขวาง เช่น งานก่อสร้าง (Kivi & Mattila, 1991) งานช่างไม้ (Mattila, et al., 1993) งานพยาบาล (Engels, et al., 1994) งานเกษตรกรรม (Nevala-Puranen, 1995) งานตัดอ้อย (Messias และ Okuno, 2012) งานคลังสินค้า (Grzybowska, 2012) อุตสาหกรรมผลิตถ่าน (Maia และ Francisco, 2012) อุตสาหกรรมผลิตไวน์ (Nwe, et al., 2012) เป็นต้น การประเมินด้วยวิธี OWAS ใช้ประเมินอิริยาบถโดยการเฝ้าสังเกตการทำงานของพนักงานแต่ละท่าทางตลอดช่วงการทำงาน โดยสังเกตหลัง แขน ขา และการออกแรงกล้ามเนื้อ การสังเกตท่าทางในการทำงานควรจะทำโดยการสังเกตในสถานที่จริงและสภาพแวดล้อมจริง หรืออาจจะมีการบันทึก VDO เพื่อใช้ในการประเมินรายละเอียดได้มากขึ้น ข้อดีของการใช้ VDO คือทำให้ผู้ประเมินสามารถย้อนกลับเพื่อสังเกตท่าทางที่ประเมินได้ และทำให้มองเห็นรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน ซึ่งจะทำให้สามารถประเมินได้อย่างถูกต้องมากขึ้น นอกจากนั้นเมื่อมีการปรับปรุงการทำงานใหม่จะสามารถใช้ VDO ในการแนะนำหรือชี้แจงให้พนักงานเห็นความแตกต่างของการทำงานก่อนและหลังการปรับปรุงได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น การสังเกตท่าทางในการทำงานแบ่งช่วงเวลาสังเกตออกเป็นช่วงเวลาที่เท่าๆกันโดยทั่วไปจะใช้ 30 วินาทีหรือ 60 วินาที ซึ่งในทางปฏิบัติการใช้ความถี่ในการสังเกตหรือช่วงเวลาที่สั้นกว่านี้จะทำได้ยาก ถ้าต้องการสังเกตโดยใช้ช่วงเวลาที่สั้น เช่น งานที่มีรอบเวลาสั้น สามารถทำให้ได้โดยการบันทึก VDO การสังเกตการทำงานไม่ควรเกิน 40 นาที กรณีที่เกิน 40 นาทีควรมีช่วงพัก 10 นาที
          การประเมินท่าทางการทำงานด้วยวิธี OWAS เป็นการประเมินท่าทางการทำงานที่มักจะพบทั่วไปในการทำงานปกติ โดยได้มีการแบ่งท่าทางออกเป็น 84 ท่าทาง และมีการประเมินน้ำหนักจะแยกเป็น 4 ด้าน คือ หลัง แขน ขา และออกแรง ซึ่งจะได้เป็นรหัสของแต่ละด้านรวม 4 ตำแหน่ง เรียกว่า รหัส OWAS ขั้นตอนการประเมินโดยวิธี OWAS มีรายละเอียดดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 การประเมินหลัง
          การประเมินส่วนแรกจะเป็นการพิจารณาส่วนหลังหรือลำตัวของผู้ปฏิบัติงาน กรณีที่หลังหรือลำตัวตรงจะเป็นลักษณะที่มีความเสี่ยงต่อการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและกระดูกน้อย ในขณะที่ท่าทางที่ก้มตัว เอียงตัว บิดตัว เอี้ยวตัว จะมีโอกาสที่จะเกิดการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและกระดูกได้ การประเมินหลังหรือลำตัวแบ่งได้เป็น 4 รหัส ดังแสดงในตาราง
ตารางแสดงการประเมินท่าทางของหลังโดยวิธี OWAS
รหัส
ท่าทาง
1
ตรง
2
ก้มตัวด้านหน้าหรือหลัง
3
บิดตัว เอี้ยวตัว หรือก้มไปทางด้านข้าง
4
ก้มและบิดเอี้ยวตัว (มีทั้งระดับ 2 และระดับ 3)
ขั้นตอนที่ 2 การประเมินแขน
          ท่าทางของแขนในการปฏิบัติงานจะสังเกตแขนทั้ง 2 ข้างของผู้ปฏิบัติงาน ถ้าแขนทั้ง 2 ข้างทำงานอยู่ในระดับปลอดภัยคือไม่มีการยกแขนขึ้นสูงกว่าไหล่ เมื่อแขนต้องยกขึ้นเหนือไหล่ จะมีความเสี่ยงในการเกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ได้ การประเมินแขนแบ่งได้เป็น 3 รหัส แสดงดังตาราง
  ตารางแสดงการประเมินท่าทางของแขนโดยวิธี OWAS
รหัส
ท่าทาง
1
แขนทั้ง 2 ข้างอยู่ในระดับต่ำกว่าไหล่
2
แขนข้างใดข้างหนึ่งอยู่ในระดับเดียวกับหรือสูงกว่าไหล่
3
แขนทั้ง 2 ข้างอยู่ระดับเดียวกับหรือสูงกว่าไหล่
ขั้นตอนที่ 3 การประเมินขา
          การประเมินส่วนขาจะประเมินทั้งในส่วนของการใช้กล้ามเนื้อในลักษณะสถิตซึ่งเป็นลักษณะอยู่กับที่ (Static) และการประเมินการใช้กล้ามเนื้อในลักษณะพลวัต ซึ่งเป็นลักษณะที่มีการเคลื่อนไหว (Dynamic) เช่น การเดิน การประเมินจะสังเกตลักษณะท่าทางการทำงาน เช่น นั่ง ยืน นั่งยองๆ คุกเข่า เดิน ถ้ามีการยืนหรือนั่งยองๆ ทำงานจะพิจารณาลักษณะการใช้ขาทั้ง 2 ด้วย การประเมินขาแบ่งได้เป็น 7 รหัส แสดงดังตาราง
ตารางแสดงการประเมินท่าทางของขาโดยวิธี OWAS
รหัส
ท่าทาง
1
นั่งโดยน้ำหนักของร่างกายอยู่บนบั้นท้าย และตำแหน่งขาจะอยู่ด้านล่าง
2
ยืนโดยขาตรงทั้ง 2 ข้าง (มุมของเข่ามากกว่า 150)
3
ยืนโดยน้ำหนักลงที่ขาข้างใดข้างหนึ่งที่เป็นขาข้างที่ตรง (มุมของเข่ามากกว่า 150)
4
ยืนหรือนั่งยองๆโดยเข่างอทั้ง 2 ข้าง (มุมของเข่า ≤150)
5
ยืนหรือนั่งยองๆโดยเข่างอข้างเดียว (มุมของเข่า ≤150)
6
คุกเข่าข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้าง
7
เดินหรือเคลื่อนที่ไปมา
ขั้นตอนที่ 4 การประเมินภาระน้ำหนักหรือการออกแรง
การประเมินในขั้นตอนนี้จะเป็นการประเมินว่าผู้ปฏิบัติงานต้องแบกภาระน้ำหนักที่ถือหรือยกมากน้อยเพียงใด ผู้ปฏิบัติต้องออกแรงการทำงานมากน้อยเพียงใด การประเมินน้ำหนักหรือออกแรงแบ่งได้เป็น 3 ระดับ ดังตาราง
ตารางแสดงการประเมินน้ำหนักหรือการออกแรงโดยวิธี OWAS
ระดับ
ท่าทาง
1
น้ำหนักหรือแรงที่ออกไม่เกิน 10 กิโลกรัม
2
น้ำหนักหรือแรงที่ออกมากกว่า 10 กิโลกรัมแต่ไม่เกิน 20 กิโลกรัม
3
น้ำหนักหรือแรงที่ออกมากกว่า 20 กิโลกรัม
ขั้นตอนที่ 5 การประเมินภาระงาน
          หลังจากการประเมินในขั้นตอนที่ 1-4 นำผลไปอ่านค่าประเมินภาระงานได้จากตาราง
ตารางแสดงการประเมินภาระงานโดยวิธี OWAS
หลัง
แขน
1
2
3
4
5
6
7
ขา
1
2
3
1
2
3
1
2
3
1
2
3
1
2
3
1
2
3
1
2
3
การออกแรง
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
1
2
2
2
2
2
2
1
1
1
1
1
1

2
1
1
1
1
1
1
1
1
1
2
2
2
2
2
2
1
1
1
1
1
1

1
3
1
1
1
1
1
1
1
1
1
2
2
3
2
2
3
1
1
1
1
1
2

2
1
2
2
3
2
2
3
2
2
3
3
3
3
3
3
3
2
2
2
2
3
3

2
2
2
3
2
2
3
2
2
3
3
4
4
3
4
4
3
3
4
2
3
4

3
3
3
4
2
2
3
3
3
3
3
4
4
4
4
4
4
4
4
2
3
4

3
1
1
1
1
1
1
1
1
1
2
3
3
3
4
4
4
1
1
1
1
1
1

2
2
2
3
1
1
1
1
1
2
4
4
4
4
4
4
3
3
3
1
1
1

3
2
2
3
1
1
1
2
2
3
4
4
4
4
4
4
4
4
4
1
1
1

4
1
2
3
3
2
2
3
2
2
3
4
4
4
4
4
4
4
4
4
2
3
4

2
3
3
4
2
3
4
3
3
4
4
4
4
4
4
4
4
4
4
2
3
4

3
4
4
4
2
3
4
3
3
4
4
4
4
4
4
4
4
4
4
2
3
4

                ระดับภาระงานที่อ่านได้จากตารางจะแสดงถึงระดับของการพิจารณาดำเนินการเพื่อการปรับปรุงการทำงาน โดยมีรายละเอียดดังตาราง
ตารางแสดงระดับของการดำเนินการ
ระดับ
อันตรายจากภาระงาน
การดำเนินการ
1
ไม่เป็นอันตราย
(ยอมรับได้)
ไม่ต้องดำเนินการปรับปรุงแก้ไข เนื่องจากการทำงานดังกล่าวเป็นท่าทางปกติไม่มีอันตราย หรือมีความเสี่ยงที่จะส่งผลต่อการผิดปกติของกล้ามเนื้อและกระดูก
2
มีอันตรายเล็กน้อย
ควรต้องมีการปรับปรุงแก้ไขในไม่ช้า เนื่องจากท่าทางการทำงานดังกล่าว อาจมีผลกระทบหรือก่อให้เกิดอันตรายต่อกล้ามเนื้อและกระดูก
3
มีอันตรายชัดเจน
ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขโดยเร็ว เนื่องจากท่าทางการทำงานดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อกล้ามเนื้อและกระดูก
4
มีอันตรายมาก
ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขโดยทันที เนื่องจากท่าทางการทำงานดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงมากที่จะทำให้เกิดอันตรายต่อกล้ามเนื้อและกระดูก
               ในการประเมินโดยวิธี OWAS ผู้ประเมินควรจัดทำแบบฟอร์มเพื่อช่วยในการบันทึกข้อมูลดังแสดงในภาคผนวก  และควรมีระบุลักษณะงานที่มีการประเมินท่าทางการทำงาน โดยการกำหนดเป็นรหัสของงาน เพื่อช่วยในการวิเคราะห์งานในลักษณะที่แตกต่างกัน เช่น กำหนดให้
00                                        การยก
01                                        การถือ
02                                        การบรรจุ
03                                        การปรับแต่ง
เป็นต้น

           การประเมินโดยวิธี OWAS สามารถประเมินโดยคำนึงเวลาที่ใช้ในการทำงานในท่าทางนั้นๆ โดยประเมินตามสัดส่วนของเวลาในท่าทางต่างๆของส่วน หลัง แขน และขา ในช่วงเวลาของการสังเกตกิจกรรมทั้งหมด ระดับการพิจารณาความเป็นอันตรายจะพิจารณาเช่นเดียวกับการประเมินท่าทาง โดยรวมของทั้งร่างกายคือมี 4 ระดับ การพิจารณาความเสี่ยงของท่าทางของส่วน หลัง แขน และขา แสดงดังตาราง
ตารางแสดงระดับอันตรายสำหรับการประเมินโดยใช้สัดส่วนเวลาในวิธี OWAS




ตัวอย่าง การประเมินระดับอันตรายของร่างกายส่วนหลังของพนักงานคนหนึ่งจากการเก็บข้อมูลจากการสังเกต 25 ครั้งพบว่า มีข้อมูลดังนี้
ตารางแสดงข้อมูลการประเมินร่างกายส่วนหลัง
ครั้ง
รหัส OWAS ส่วนหลัง

ครั้ง
รหัส OWAS ส่วนหลัง

ครั้ง
รหัส OWAS ส่วนหลัง
1
1

11
1

21
1
2
2

12
1

22
2
3
1

13
4

23
1
4
1

14
1

24
2
5
2

15
2

25
2
6
2

16
1



7
1

17
4



8
3

18
1



9
1

19
2



10
2

20
1



จากข้อมูลข้างต้น นำมาสรุปสัดส่วนและจำนวนครั้งของท่าทางของร่างกายส่วนหลังและสามารถประเมินผลระดับอันตรายได้ดังตาราง

ตารางแสดงสรุปสัดส่วนของแต่ละท่าทาง
รหัส
ท่าทาง
ความถี่
สัดส่วน
ผลประเมิน
1
ตรง
13
52%
ระดับ 1 (ยอมรับได้)
2
ก้มตัวด้านหน้าหรือหลัง
9
36%
ระดับ 2 (มีอันตรายเล็กน้อย)
3
บิดตัว เอี้ยวตัว หรือก้มไปทางด้านข้าง
1
4%
ระดับ 1 (ยอมรับได้)
4
ก้มและบิดเอี้ยวตัว (มีทั้งระดับ 2 และระดับ 3)
2
8%
ระดับ 2 (มีอันตรายเล็กน้อย)

สรุปได้ว่าระดับอันตรายสำหรับการประเมินร่างกายส่วนหลังเฉพาะงานที่ทำการประเมินนี้อยู่ในระดับ 2 คือ มีอันตรายเล็กน้อย นั่นคือ ควรต้องมีการปรับปรุงในไม่ช้า
          การใช้วิธี OWAS มีข้อดีหลายประการ เช่น เป็นวิธีที่ค่อนข้างง่ายไม่ซับซ้อนเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ และมีการประเมินแยกตามส่วนหลักๆของร่างกายโดยพิจารณาถึงเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อย่างไรก็ตามวิธี OWAS ก็มีจุดอ่อนตรงที่ค่อนข้างจะประเมินหยาบๆคือ มองเฉพาะส่วนหลัก 3 ส่วนคือ หลัง แขน และขา นอกจากนั้นยังไม่ได้มีการประเมินแยกระหว่างร่างกายด้านซ้ายและขวา ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีการที่พัฒนาวิธี OWAS ให้มีการประเมินส่วนหัวและคอเพิ่มอีก 1 ส่วน โดยเป็นการประเมินเพิ่มเติมจาก OWAS ฉบับเดิม ซึ่งมีระดับอันตรายสำหรับการประเมินส่วนหัวและคอโดยประเมินตามสัดส่วนของเวลาของแต่ละท่าทางซึ่งแบ่งเป็น 5 ท่าทาง ดังแสดงในตาราง
  ตารางแสดงระดับอันตรายของส่วนหัวและคอโดยประเมินตามสัดส่วนของเวลาในวิธี OWAS